นโยบายการเอาตัวรอดของ Proton ที่เราพึงสังเกตุได้ก็คือการขยันผูกมิตรกับบริษัทรถยนต์ระดับโลกชั้นนำอย่าง ต่อเนื่องเพื่อนำความรู้หรือเทคโนโลยีจากค่ายดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการ พัฒนารถยนต์ Proton รุ่นใหม่ซึ่งวิธีนี้ก็ย่อมดีกว่าการพัฒนารถใหม่ขึ้นมาเองทั้งหมดเพราะ Proton เองก็ไม่ค่อยมีทุนรอนในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ แข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกได้เท่าที่ควรจะเป็น ส่วนหนึ่งก็เพราะนโยบายโอบอุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศอย่างไม่ถูกทาง
การเจรจาที่สัมฤทธิ์ไปแล้วก็คือการเซ็นสัญญาขอแลกเปลี่ยนสินค้าและเทคโนโลยี กับ Mitsubishi Motor จนมีผลผลิตล่าสุดนาม Proton Inspira ซึ่งมันก็คือ Mitsubishi Lancer EX จับแปลงด้านหน้าและโลโก้รอบคันเสียหน่อยเพื่อช่วยเพิ่มยอดผลิตชิ้นส่วนให้ กับทาง Mitsubishi และ Proton ก็ได้รถระดับ C-Segment รุ่นแทนที่ Waja ได้สำเร็จ แน่นอนคุณภาพตัวรถก็ต้องดีเกินมาตรฐานชื่อ Proton อย่างมาก
ล่าสุด วันที่ 1 มีนาคม 2011 ทีมผู้บริหารแห่ง Proton Holdings Berhad ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Nissan Motor ประเทศญี่ปุ่นแล้ว
การ ลงนามครั้งนี้ทำให้ทั้งคู่มีสถานะความร่วมมือ “เฉพาะกิจ” เท่านั้น มิได้มีส่วนร่วมในผลประโยชน์ส่วนรวมของแต่ละบริษัท ทั้งคู่จะต้องศึกษาความเป็นไปได้ที่จะใช้ชุดพื้นตัวถังและระบบส่งกำลังจาก Nissan ร่วมกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2011 เท่านั้น
Mr. Datuk Syed Zainal Abidin Syed Mohamed Tahir ผู้บริหารกลุ่มบริษัท Proton เปิดเผยว่าการศึกษาการใช้เทคโนโลยีร่วมกันครั้งนี้จะส่งผลดีต่อการแข่ง อุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก อย่างน้อยก็ลดต้นทุนการผลิต เพราะมีการผลิตเป็นจำนวนมากขึ้น
ข้อดีของการร่วมมือกันใช้เทคโนโลยี กับ Nissan ครั้งนี้ก็คือ Proton จะลดระยะเวลาและต้นทุนการพัฒนาและการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ลงอีกมาก สามารถจัดการให้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกันในแต่ละรุ่นมากขึ้น ผลลัพธ์ก็คือรถยนต์ Proton เจเนเรชั่นถัดไปจะนำเสนอสู่ตลาดได้รวดเร็วขึ้น
ข่าวที่มีความ เป็นไปได้สูงมากว่า Proton อาจจะขอใช้ชุดพื้นตัวถังและเครื่องยนต์ Nissan V-Platform (รถยนต์ที่ใช้พื้นตัวถังนี้ก็คือ Nissan March โฉมปัจจุบันและ Nissan Sunny รุ่นใหม่) ไปดัดแปลงใส่ในรุ่น Emas ซึ่งเป็นรถเล็ก A-Segment ระดับโลกเตรียมทำตลาดในปี 2012-2013
และมีความเป็นไปได้สูงมากว่า ตัวตายตัวแทนของ Proton Perdana ซีดานสุดหรูจะถูกพัฒนาต่อโดยใช้พื้นฐาน Nissan Fuga ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2012-2013
ที่มาจากเว็ป http://www.headlightmag.com
